ตลาดอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2563

แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์หลัง COVID-19

ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา โลกต้องเผชิญกับโรคระบาด COVID-19 ที่ร้ายแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ตลาดอสังหาริมทรัพย์เองก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย ในประเทศไทย บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ 36 บริษัท ในครึ่งปีแรกมีรายได้รวมลดลงคิดเป็น 19.27% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ หลังจากการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ลง ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีสัญญาณที่ดีขึ้น เพราะผู้ประกอบการต่าง ๆ มีโปรโมชัน และกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้า โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี ผู้ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์ ที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีรายได้รวม 72,822.65 ล้านบาท คิดเป็น 4.39% มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ถึงแม้สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ จะเริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลัง แต่สถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง สืบเนื่องมาจากหลายปัจจัย ทั้งสถานการณ์การเมืองในประเทศ และสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อรายได้ประชาชาติที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ส่วนหนึ่ง ปรับแผนธุรกิจชะลอการลงทุน เนื่องจากยังมีอสังหาริมทรัพย์รอขายในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวนรวมมากกว่า 2.2 แสนหน่วย หากสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ คาดว่าจะมีการเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอีก 68,000-72,000 หน่วย ซึ่งลดลงจากปีก่อนประมาณ 40%

แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ต่อจากนี้ เริ่มมีการเจาะตลาดกลุ่ม Niche Market มากขึ้น ซึ่งมักเป็นโครงการขนาดเล็ก ที่ตอบโจทย์ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ที่มีกำลังซื้อสูง และบริษัทอสังหาริมทรัพย์เอง ก็พยายามจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเป็นการคัดกรองและดึงดูดลูกค้า ที่เป็นพนักงานในบริษัทคู่ค้า ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และรายได้มั่นคง โดยการให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยต่ำ